Ryan Gravenberch ตัดสินใจย้ายมาเล่นให้กับ Liverpool ถือเป็นเรื่องที่สร้างความฮือฮา และทำให้ The Kop ทั้งหลายต่างมีความสุขและโล่งใจไปตาม ๆ กัน กับการปิดดีลสุดท้ายของตลาดซัมเมอร์ที่ยุ่งเหยิงก่อนหน้านี้
ใครจะไปคิดว่า หงส์แดง จะเสียผู้เล่นคนสำคัญในแดนกลางไปพร้อม ๆ กันถึง 2 ราย ได้แก่ Jordan Henderson และ Fabinho โดยก่อนหน้านี้ กลุ่มที่หมดสัญญาอย่าง James Milner, Naby Keita และ Alex Oxlade-Chamberlain ก็เพิ่งจะย้ายออกหลังจบฤดูกาล
แม้ว่าจะได้ Alexis Mac Allister และ Dominik Szoboszlai มาอย่างรวดเร็ว แต่หลังจากนั้น ก็ต้องรอเป็นเดือนกว่าที่ Wataru Endo จะย้ายมาสมทบ และอย่าลืมด้วยว่า มีดีลดราม่าของ 2 แข้งอย่าง Moises Caicedo และ Romeo Lavia มาคั่นกลาง ซึ่งทำให้ทีมงานซื้อขายต้องเสียเวลาในการจัดการดีลไปกว่าสัปดาห์ด้วย ก่อนสุดท้ายจะมาปิดตลาดแบบเฉียดฉิวกับ Gravenberch
มีคำถามตามมาว่า ทำไม Liverpool จึงเดินเรื่องแข้งชาวดัตช์เอาในช่วงวันสุดท้ายของตลาด ในเมื่อมีเวลาเหลือตั้งนานก่อนหน้านั้น ทำไมไม่จัดการให้เรียบร้อยไปเลย
ของแบบนี้ ต้องบอกว่ามันไม่สามารถบุ่มบ่ามหรือผลีผลามได้ แม้ว่าทีมอยากจะได้ตัว นักเตะอยากจะย้าย แต่ถ้าต้นสังกัดยังไม่โอเค ทุกอย่างมันก็ยังหยุดนิ่ง เรื่องนี้จึงต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่าง โดยเฉพาะจังหวะและเวลาในการเดินเรื่อง
ซึ่งนี่ คือที่มาของเบื้องหลังที่เกิดขึ้นในดีล Ryan Gravenberch โดย James Pearce และ Simon Hughes จาก The Athletic สื่อข่าวชื่อดังที่ได้ออกมาเปิดเผยถึงกระบวนการที่ซับซ้อน และเบื้องลึกของการเซ็นสัญญาครั้งสำคัญนี้
หลังจากที่ย้ายมาจาก Ajax ด้วยค่าตัวเพียง 20 ล้านยูโรเมื่อปี 2022 การลงเล่นให้กับ Bayern Munich ก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คิดเอาไว้ เมื่อเจ้าตัวได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงเพียง 3 เกม หลังจบฤดูกาลก็มีข่าวออกมาว่า เขาเริ่มจะไม่มีความสุขกับการต้องนั่งเป็นตัวสำรองเสียแล้ว
จบซีซัน Gravenberch มีข่าวกับทั้ง Manchester United และ Liverpool แต่ดูเหมือนว่า รายแรกจะมีภาษีที่ดีกว่า เนื่องจากที่นั่นพวกเขามี Erik Ten Hag เจ้านายเก่าที่ Ajax ซึ่งเป็นผู้ปลุกปั้นให้แข้งรายนี้ กลายเป็นนักเตะดาวรุ่งที่ได้รับการจับตามองจากทั่วยุโรปทำหน้าที่เป็นผู้จัดการทีมอยู่นั่นเอง
แต่จากการเปิดเผยของทั้ง Pearce และ Hughes พวกเขายืนยันว่า Liverpool เอง ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากัน เพราะพวกเขาเฝ้าติดตามดูพัฒนาการและฝีเท้าของ Gravenberch ตั้งแต่อยู่ที่ฮอลแลนด์แล้วเหมือนกัน
“Liverpool ได้จับตาดูฟอร์มของ ไรอันกราเวนเบิร์ช อย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่สมัยที่เขาอยู่ในทีมเยาวชนที่ Ajax ซึ่งตอนนั้น เขามีความโดดเด่นในเรื่องของพละกำลังและความมุ่งมั่นมาก”
เมื่อมีข่าวว่านักเตะต้องการย้ายทีม ทีมงานของ Jurgen Klopp จึงไม่รีรอที่จะเข้าหาตัวแทนของกองกลาง เสือใต้ อย่าง Rafaela Pimenta ซึ่งการเจรจาเป็นไปในเชิงบวก แต่ทาง Bayern ยังคงต้องการรั้งผู้เล่นรายนี้เอาไว้กับทีมต่อไป ในขณะที่ Barry Hunter หัวหน้าแมวมองของ Liverpool ก็เดินเรื่องอีกฝั่งด้วยการเข้าหาคุณพ่อ Ryan Senior อีกทาง
บทสัมภาษณ์ของ Thomas Tuchel นายใหญ่เสือใต้คนปัจจุบันคือจุดชี้ขาด ที่ทำให้ Liverpool ทำการเดินหน้าดีลนี้อย่างรวดเร็ว โดยเขากล่าวกับสื่อในช่วงโค้งสุดท้ายของตลาดนักเตะว่า Gravenberch เป็นนักเตะที่มีพรสวรรค์ และมีอนาคตที่ดีรออยู่ แต่กับระบบการเล่นที่เขาใช้อยู่ในปัจจุบัน มันไม่มีที่ว่างให้กับกองกลางรายนี้
“สิ่งที่ Thomas Tuchel พูดออกมาวันก่อนก็คือในระบบของพวกเขา ไม่สามารถหาที่ลงให้กับ Gravenberch ได้ แต่ทีมเรามี มันจึงเป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ” Klopp กล่าวถึงบทสัมภาษณ์นายใหญ่เสือใต้
ความที่สามารถเล่นได้อย่างหลากหลายในแดนกลาง และศักยภาพที่มีอยู่ในตัวทำให้ Jurgen Klopp เชื่อมั่นอย่างยิ่งว่า นี่คือผู้เล่นที่เหมาะกับ Liverpool ของเขาในเวลานี้
ชีวิตใน Bundesliga ทำให้ Gravenberch ต้องกลับมาทบทวนเส้นทางอาชีพของตัวเองเสียใหม่ และเมื่อได้รู้ว่ามีความสนใจจาก ลิเวอร์พูล เข้ามา สมองของเขาก็คิดถึงแต่เรื่องการย้ายไปเล่นใน Premier League เพื่อกอบกู้ชื่อเสียงของตัวเองกลับมาให้ได้
“จริง ๆ แล้ว Manchester United ก็ให้ความสนใจอยู่ด้วยเหมือนกัน แต่หลังจากนั้น พวกเขาก็หันไปมุ่งมั่นกับการเซ็นสัญญา Sofyan Amrabat แบบยืมตัวจาก Fiorentina หัวใจของ Gravenberch พุ่งตรงไปที่ Anfield เรียบร้อยแล้ว และ Liverpool ก็เดินเรื่องเพื่อคว้าตัวแข้งรายนี้อย่างรวดเร็ว”
วันแรกของ Gravenberch ที่ AXA Training Center เขาได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น จากรุ่นพี่ร่วมทีมชาติอย่าง Virgil Van Dijk กัปตันทีมคนปัจจุบัน และ Cody Gakpo ที่เพิ่งย้ายมาร่วมทีมเมื่อเดือนมกราคม ก่อนที่จะได้เจอกับ Jurgen Klopp พร้อมด้วยการโอบกอดและคำทักทายที่ว่า
“เรามาเริ่มพูดถึงเรื่องที่เลวร้ายที่สุดกันก่อน อากาศที่นี่ไม่ดีเหมือนที่ Munich นะ แต่นอกนั้น ทุกอย่างยอดเยี่ยม นี่คือสโมสรที่ยิ่งใหญ่ เราจะช่วยคุณอย่างสุดความสามารถ”
นี่คือสัญญาณที่กำลังจะบอกว่า ฟ้าหลังฝนของ Ryan Gravenberch จะกลับมาสดใสอีกครั้ง