นับถอยหลัง ศึกตัดสินเจ้ายุโรป

Jurgen Klopp, Liverpool, Premier League, UEFA Champions League, พรีเมียร์ลีก, ยูฟา แชมเปียนส์ลีก, ลิเวอร์พูล, หงส์แดง

เชื่อว่าอารมณ์ของความเสียดายในการพลาดแชมป์ พรีเมียร์ลีก ของแฟนบอล ลิเวอร์พูล ในวันสุดท้ายยังคงลอยวนเวียนอยู่ในหัวของใครหลายคน ซึ่งเมื่อมีความหวังแล้วไม่สมหวัง ก็ย่อมผิดหวังเป็นเรื่องธรรมดา

ในอีกแง่มุมหนึ่งการกลับมาลุ้นแชมป์ได้ถึงนัดสุดท้ายจากที่ตามหลังถึง 14 คะแนนเมื่อเดือนมกราคมนั้นเป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดเมื่อเทียบกับเงินที่ลงทุนไปเมื่อตอนตลาดซื้อขายซัมเมอร์และตลาดหน้าหนาวที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม, อย่าลืมว่า ลิเวอร์พูล ยังคงเหลืออีก 1 รายการให้ลุ้น นั่นคือถ้วยใหญ่ที่สุดของยุโรปอย่าง ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก ที่จะต้องพบกับ เรอัล มาดริด มหาอำนาจของรายการนี้ ผู้ครองแชมป์มาแล้ว 13 สมัย

แม้ว่าถ้วยใบนี้อาจจะไม่ยิ่งใหญ่เท่ากับ พรีเมียร์ลีก ตามสายตาของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ที่เคยพูดเอาไว้ว่าการเป็นแชมป์ลีกในประเทศนั้นมันยากกว่าเพราะคุณต้องลงเล่น 38 นัดกับอีก 19 ทีมในขณะที่จำนวนเกมใน แชมเปี้ยนส์ลีก มีไม่ถึงครึ่งของ 1 ฤดูกาลด้วยซ้ำ

Jurgen Klopp, Liverpool, Premier League, UEFA Champions League, พรีเมียร์ลีก, ยูฟา แชมเปียนส์ลีก, ลิเวอร์พูล, หงส์แดง

หากมองในแง่ดีสิ่งที่ เป๊ป พูดออกมาอาจจะเป็นแค่การปลุกใจลูกทีมก่อนลงเล่น พรีเมียร์ลีก นัดสุดท้ายก็ได้ เพราะในปีนี้พวกเขาเหลือให้ลุ้นแค่รายการเดียวเท่านั้นในขณะที่ ลิเวอร์พูล จัดมาแล้ว 2 แชมป์และเหลือให้ลุ้นอีก 2 แชมป์ (ในเวลานั้น)

แต่ก็เชื่อว่านายใหญ่ชาวสแปนิชรู้ดีกว่าใครเพื่อนว่า แชมเปี้ยนส์ ลีก คือความฝันอันสูงสุดของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ดูได้จากความผิดหวังเมื่อซีซันที่แล้วที่ไปแพ้ต่อ เชลซี ในนัดชิงชนะเลิศ และการโดน เรอัล มาดริด พลิกนรกในช่วงท้ายเกมกลับมาเป็นผู้ชนะ ผ่านเข้าสู่รอบชิงเมื่อช่วงต้นเดือน ฝากรอยแผลและความเจ็บปวดให้กับบรรดาแข้ง เดอะสกายบลูส์ ได้เป็นอย่างดี

จึงไม่น่าแปลกใจที่ เป๊ป จะบอกว่า พรีเมียร์ลีก สำคัญและยิ่งใหญ่กว่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

ตัดกลับมาที่ ลิเวอร์พูล ความผิดหวังในการคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ครั้งที่ 2 ในรอบ 3 ปีของพวกเขา รวมทั้งความพ่ายแพ้ในนัดชิงเมื่อปี 2018 สามารถเป็นแรงผลักดันให้ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ในการลงเล่นนัดชิงชนะเลิศกับ เรอัล มาดริด ในวันเสาร์นี้

Jurgen Klopp, Liverpool, Premier League, UEFA Champions League, พรีเมียร์ลีก, ยูฟา แชมเปียนส์ลีก, ลิเวอร์พูล, หงส์แดง

แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน แบ็คซ้ายจอมถึกยืนยันว่า พวกเขารอคอยการพบกับ มาดริด อีกครั้ง เพราะยังมีเรื่องที่ต้องสะสางกันหลังจากที่พ่ายอย่างหมดรูปที่กรุงเคียฟเมื่อ 4 ปีที่แล้ว และต้องการที่จะก้าวขึ้นไปเป็นแชมป์ยุโรปสมัยที่ 7 ให้ได้

เราไปที่ปารีสด้วยความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมและพยายามที่จะคว้าถ้วยกลับมาให้ได้ เพราะมันจะเป็นซีซันที่สุดพิเศษ เราดีพอที่จะทำได้ เราจะต้องเตรียมตัวให้พร้อม ต้องโชว์ฟอร์มในระดับสูงและถ้าเราทำแบบนั้นได้ก็หวังว่ามันจะทำให้เราสามารถคว้าแชมป์สมัยที่ 7 ได้

สถิติการพบกันของทั้งสองทีมในช่วงหลังดูเหมือนว่า หงส์แดง จะด้อยกว่าเพราะ 3 ครั้งหลังสุดพวกเขาแพ้ไป 2 และเสมอครั้งเดียว แถมสถิติการเข้าชิงของ มาดริด ในถ้วยใบนี้ 8 ครั้งหลังสุดพวกเขาไม่เคยพลาดเลย ยังไม่พอแค่นั้น, ปีนี้ คาร์โล อันเชล็อตติ ยังพาลูกทีมตบทีมอันดับ 1 และ 3 ใน พรีเมียร์ลีก อย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ เชลซี มาแล้วในรอบเซมิไฟนอลและรอบ 8 ทีม ด้วยการพลิกเอาชนะได้ในช่วงท้ายเกมเหมือนกันอีกต่างหาก

อย่างไรก็ตาม, ในทัศนะของ ราฟาเอล เบนิเตซ ซึ่งเคยเป็นนายใหญ่ของทั้ง ลิเวอร์พูล และ มาดริด มาแล้วก็เชื่อว่าทั้งสองทีมจะสู้กันอย่างสมศักดิ์ศรี เพราะเป็นฟุตบอลที่มีอาวุธหนักกันคนละอย่าง

Jurgen Klopp, Liverpool, Premier League, UEFA Champions League, พรีเมียร์ลีก, ยูฟา แชมเปียนส์ลีก, ลิเวอร์พูล, หงส์แดง

แข้ง มาดริด สามารถเปลี่ยนเกมได้ด้วยตัวเอง พวกเขาได้แสดงให้เห็นมาแล้วซึ่งมันทำให้ทีมสามารถผ่านเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศได้ คาร์โล อันเชล็อตติ ทำให้ลูกทีมมีความมั่นใจและสงบนิ่ง กองหลังของ ลิเวอร์พูล ต้องระวังความอันตรายของ คาริม เบนเซมา, ความเร็วของ เวนิซิอุส จูเนียร์ และสายตาอันเฉียบคมของ โรดรีโก้

ในทำนองเดียวกันแนวรับของ มาดริด ก็ไม่สามารถจะวางใจได้เลย เยอร์เก้น คล็อปป์ ต้องการให้ทีมของเขาเล่นด้วยความดุดัน เข้มข้น ซึ่งที่เขาสามารถทำแบบนี้ได้ทั้งฤดูกาลก็เพราะการมีนักเตะที่มีความกระตือรือร้นและคุณจำเป็นจะต้องมีตัวสำรองที่พร้อมจะแย่งตำแหน่งกับ 11 ตัวจริงอยู่ตลอดเวลาด้วย

เมื่อก่อนถ้าพูดถึงแนวรุก พวกเขามีแค่ โม ซาลาห์, มาเน และ ฟีร์มีโน แต่ตอนนี้มี หลุยส์ ดิอาซ, ดิโอโก้ โชต้า และ ดิว็อค โอริกี เพิ่มเข้ามา และพวกเขาเป็นทีมที่เน้นการครองบอลเพื่อสร้างโอกาสในเกมรุก มันจึงน่าสนใจว่า เรอัล มาดริด ที่เล่นแบบนี้ใน ลาลีก้า จะรับมือกับ ลิเวอร์พูล อย่างไร

เชื่อว่าจนถึงตอนนี้ ลิเวอร์พูล ได้รับการยอมรับจากทั่วทุกสารทิศในฐานะของทีมที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงจากแนวทางการทำทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ และหากสามารถสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการคว้าแชมป์ ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก สมัยที่ 7 ได้อีก…พวกเขาจะยิ่งกลายเป็นที่จดจำไปอีกนานแสนนาน

ชอบบทความนี้แชร์ให้เพื่อนอ่านด้วยนะครับ
Scroll to Top